“ฝรั่งเศส” (France) เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ ประเทศฝรั่งเศส ในด้านท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ บุคคล สถานที่ เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ตลอดจนเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย พร้อมเกร็ดความรู้เจาะลึกที่ไม่สามารถไปหาข้อมูลจากหนังสือทั่วไปได้ ทำให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรู้จักประเทศฝรั่งเศสได้ดียิ่งขึ้น
เขียนโดย กษิติ กมลนาวิน แฟนพันธุ์แท้ ฝรั่งเศส “รู้ลึกทุกเรื่องราวแบบคนเป็นแฟนพันธุ์แท้”
สนใจสั่งซื้อโดย ชำระเงินจำนวน 400 บาท
(ราคานี้รวมค่าส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนแล้ว)
ธนาคารไทยพาณิชย์
เลขที่บัญชี : 324-287821-7
และส่งชื่อ ที่อยู่ พร้อมหลักฐานการชำระเงินที่ :
Line ID : tomytv5
หรือ e-mail : tomytv5@hotmail.com

 

ฝรั่งเศส … ไม่ศิโรราบ 
     30 กรกฎาคม 2567               โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน 

                                        มันจะยิ่งใหญ่ อลังการ ให้ผู้คนจดจำไปเล่าขานได้อย่างไรกัน ถ้า เซลีน ดิอง (Céline Dion) ราชินีเพลงป๊อป ซ้อฟท์ร็อค ชาวแคนาดา แค่ร้องเพลง ลีมน์ อะ ลามูร (L’Hymne à l’amour) ของ เอดิธ ปิอ๊าฟ (Édith Piaf) ตำนานนักร้องสาวฝรั่งเศสในยุค 1935-63 อันถูกจัดให้เป็นเพลงเอกของ พิธีเปิดการแข่งขัน ปารี 2024 (Paris 2024) โอลิมปิก เกมส์ ครั้งที่ 33 ใน สต๊าด เดอ ฟร้องส์ (Stade de France) สนามกีฬาที่จุผู้ชมได้อย่างเต็มที่ก็แค่ 97,000 ที่นั่ง แต่นี่เธอยืนเด่นตระหง่านขับเสียงอันทรงพลังอย่างกึกก้องอยู่บน ลา ตูร เอ๊ฟเฟ็ล (La Tour Eiffel) หรือ หอไอเฟิล สัญลักษณ์แห่งกรุงปารี ต่อหน้าผู้ชมริมฝั่งแม่น้ำแซน (La Seine) หลายแสนคน รวมผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์และออนลายน์พวก Streaming Media จากทั่วโลกอีกไม่น้อยกว่าพันล้านคน

                                       ความคิดหลุดโลกไม่เหมือนชาวบ้านที่ใครๆเขาก็จัดกันในสนามกีฬา แต่ฝรั่งเศสยกออกมาละเลงกันกลางแม่น้ำนั้น ทำให้มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่อยู่ในขบวนเรือ 10,500 คน ผู้ชมที่นั่งตรงอัฒจันทร์บนสะพานและด้านล่างริมฝั่งแม่น้ำ 104,000 คน ที่ยืนริมฝั่งแม่น้ำด้านบน 222,000 คน  นอกจากนั้น ยังมีผู้ชมที่โผล่หน้าต่างห้องของตนเองตามตึกต่างๆที่อยู่รายรอบตามเส้นทางที่เรือ 85 ลำนำทัพนักกีฬาแล่นผ่านมาตลอดระยะทางยาว 6 กิโลเมตร อีกจำนวนตั้ง 200,000 คน

                                       การแข่งขันกีฬาบางชนิดที่เดิมกระทำกันในสเตเดี้ยมก็ถูกยกออกมาจัดกันตรงสถานที่สำคัญทั่วกรุงปารีซะเลย  ลู่วิ่งกรีฑาใน สต๊าด เดอ ฟร้องส์ ก็ถูกทำให้เป็นสีม่วง นับเป็นอีก 1 ในหลายๆสิ่งแปลกตาที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเขาพบว่า มันเป็นสีที่ไม่ขัดสายตาที่สุด แม้ตอนฝนตกก็ยังดูดี ยิ่งตอนนักวิ่งเข้าโค้งนั้นถ่ายทีวีหรือถ่ายภาพก็จะเป็นภาพที่สวยงามมาก  ในทางเศรษฐศาสตร์ เขาคำนวณออกมาได้ว่า มันจะส่งผลให้ภาคธุรกิจ SME บริษัท ห้างร้านต่างๆ โดยเฉพาะใน กรุงปารี และปริมณฑลได้รับผลประโยชน์คิดเป็นเงินประมาณ 9 พันล้าน € อันนี้ครอบคลุมช่วงปี 2017 – 2034

                                       คนฝรั่งเศสจะถูกสอนตั้งแต่เด็กๆให้ไม่ยอมจำนนต่อสิ่งที่สากลทั่วโลกเขาถือปฏิบัติกันอยู่ ไม่ยอมจำนนต่อทฤษฎีทั้งหลายแหล่ที่ถูกสร้างขึ้นมา และเฝ้าหาหนทางโต้แย้ง หาทางออกใหม่ๆในทุกสิ่งเสมอ อย่าจำกัดตนเองอยู่แต่เพียงในกรอบ  ไม่เช่นนั้นสนามบิน ชารล์ เดอ โกล (Charles de Gaulle) จะถูกออกแบบให้เป็นทรงกลมทำไม ผู้คนเดินไป-มาถึงกันจากประตู 2 – 36 ภายในระยะเวลาเพียง 15 วินาที ในขณะที่สนามบินอื่นๆทั่วโลกมักสร้างจากแนวความคิดเดิมๆ ทำอาคารเป็นแนวยาวไปตามหลุมจอดเครื่องบิน ผู้โดยสารต้องเดินกันอ้วกเลย  ร้านกาแฟในฝรั่งเศสก็ไม่เหมือนชาวบ้าน ยืนดื่มกับนั่งดื่มนั้น คนละราคากัน  ก็ขนาดพรรคการเมืองของฝรั่งเศสยังมีพรรคชื่อ ลา ฟร้องส์ แซ็งซูมี้ส (La France Insoumise – LFI) ซึ่งผมขอแปลว่า “ฝรั่งเศส ไม่ศิโรราบ” มันก็คือการไม่ยอมจำนนต่อสรรพสิ่งที่ใครๆก็ถือปฏิบัติมานมนาน แต่ต้องโต้แย้งเพื่อหาทางออกที่ดีกว่า

                                       ในการแสดงพิธีเปิดการแข่งขันก็ดันมีฉากช็อคโลกซะอีก โดย มารี-อ็องตัวเน็ต (Marie-Antoinette) ราชินีของกษัตริย์ ลุย ที่16 (Louis XVI) ถือคอที่ถูกบั่นด้วยกีโยตีน (Guillotine) ในช่วงปฏิวัติใหญ่ 1789-1799 ซะงั้น เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าชนชั้นกษัตริย์และขุนนางที่กดขี่ ไม่เห็นหัวประชาชนย่อมอยู่ไม่ได้  ฝรั่งเศสผ่านประวัติศาสตร์การถูกกดขี่ในช่วงนั้นมาจนต้องการชูเรื่อง เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ (Liberté, égalité, fraternité) และเป็นชาติที่ให้ค่าประชาชน ทุกสิ่งต้องมาจากการเลือกของประชาชน ไม่เอาระบอบที่ใครดันเสนอหน้ามาโดยประชาชนไม่ได้เป็นผู้เลือก

                                       นอกจากนั้น ยังมีฉากที่ใครๆกล่าวว่าเป็นการล้อเลียนศาสนาซะอีก โดยเฉพาะ การล้อเลียนภาพเขียน The Last Supper ของ เลโอนารโด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ศิลปินชาวอิตาลีในยุคศตวรรษที่ 15-16 ซึ่งนับเป็นการวิพากษ์เรื่องศาสนาและสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้ชมที่นับถือศาสนาคริสต์เข้าอีก

                                       โดยไม่ยี่หระแม้แต่น้อย การแสดงในพิธีเปิดการแข่งขัน ปารี 2024 ฝรั่งเศสนำเรื่องทั้ง การเมือง และ ศาสนา ที่วงการกีฬาสั่งให้หลีกเลี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องเต็มๆ  ใครจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่พอใจอย่างไรก็ตาม ผมมองว่า มันเป็นการแสดงที่ช่วยให้อีกหลายชาติในโลกถูกปลุกให้ตี่น (Woke) ได้เห็นถึงความเป็น ฝรั่งเศส ที่ผ่านประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อเสรีภาพมา จนกลายมาเป็นตัวอย่างของระบอบสาธารณรัฐ การให้ค่าต่อประชาชน และทรงสิทธิ์ในการแสดงความเห็นได้ในทุกๆเรื่อง โดยมีคำกล่าวที่ว่า “La France est le pays où on a le pouvoir de dire « oui » sans peur et « non » sans culpabilité”.  แปลว่า ฝรั่งเศส เป็นชาติที่ใครๆก็สามารถแสดงความเห็นด้วยในสิ่งใดก็ได้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไร และแสดงความไม่เห็นด้วยในสิ่งใดก็ได้ โดยไม่มีความผิด

 

 

งานวิจัยชิ้นนี้อยู่ใน หอสมุดรัฐสภา
https://search-library.parliament.go.th/cgi-bin/koha/opac-detail.pl?biblionumber=104000

 

 

Scroll to Top